เข้าทางทรงผี จ่าฝูงยังหนาวต่อไปรับลมหนาว

ถึงนี้แล้วไม่มีผู้ใดกล้าไม่ยอมรับว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เปลี่ยนแปลงสถานะตนเองเป็น ”ผู้ถูกตามล่า” บ้างแล้วข้างหลังเอาชนะ เบิร์นลีย์ 1-0 ในเกมหลงเหลือขึ้นนำเป็นหัวหน้าฝูงกลุ่มใหม่สดๆร้อนๆ 

ผลงาน 11 นัดหมายข้างหลังไม่แพ้คนไหนแล้วก็เป็นชัยถึง 9 รวมทั้งเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่มีแพ้ในเกมเยี่ยม (ชนะ 6 เสมอ 1) ราวกับน้ำเดือดปุดๆที่คอยวันระเบิด 

จากที่ “นัดหมายเยี่ยม” รอหาม โอเล่น กุนทุ่งนาร์​ โซลชา มาตลอดตั้งแต่เปิดฤดูกาลแล้วหลังจากนั้นเพียงพอขยับขึ้นมาอยู่หัวบนตารางการตบแต่งจำนวน “นัดหมายเหย้า” สนับสนุนทำให้นับแต่นี้ไป ยูไนเต็ด เซ็ตมาตรฐานที่จะต้องเล่นแบบ “หัวหน้าฝูง” เพื่อโยนภาระหน้าที่ให้ข้างตาม

 วันนี้พวกเราจะมีความเห็นว่า เบิร์นลีย์ รู้สึกตัวว่าไม่มีอาวุธอะไรจะไปสู้ ไม่ว่าจะพวกเลี้ยงรับประทานตัวหรือพวกความเร็วจัด 

ของดีสิ่งเดียวที่มีก็คือลูกหนักและก็ hit and run เพราะฉะนั้นการที่เจ้าถิ่นจะให้กึ่งกลางเก็บบอลนานๆเพื่อเสกหินให้เป็นทองคำก็เลยไม่มีทางเป็นไปได้เลย 

ยูไนเต็ด เองก็ทราบข้อนี้แล้วก็ทราบดีว่าตนเองเหนือกว่าเลยมานะเข้าเพรสซึ่งได้โอกาสที่กำลังจะได้บอลสูงไม่กึ่งกลางก็ดินแดนข้างหลัง

แม้กระนั้นครึ่งแรกกลุ่มเยี่ยมเครื่องไม่ติดเนื่องจาก เบิร์นลีย์ เองก็นกทราบย้ำรับไม่เปิดพื้นที่แนวหลังทำให้พวกตัวความเร็วจัดๆหายหมดจด จะเปิดบอลยาวให้วิ่งในที่สุดบอลก็เลยเข้ามือผู้เฝ้าประตู 

จนถึง “ปีศาจาแดง” เริ่มงมหาทางจู่โจมหลักได้โน่นเป็นเปิดบอลจากนอกกรอบจุดโทษแล้วก็ใช้ คาวานี่ กับ หมาก รวมทั้ง แรชฟอร์ด รอคอยเก็บตกซึ่งต้นตำหรับบอลยาวอย่าง เบิร์นลีย์ มีลนลานให้มองเห็นก่อนหมดเวลา 45 นาที 

ข้างหลังพักครึ่งแน่ๆขอรับ “น้าโอเล่” สั่งฝ่าแหลก พวกเราก็เลยได้มองเห็นการปูพรมพับสนามของ “ภูติผีปีศาจแดง” เรียกว่าครึ่งแรก เบิร์นลีย์ ยังพอเพียงเชื้อเชิญวิวาทแม้กระนั้นช่วงหลังข้างหลังอิงเชือกโดนกลุ่มเยี่ยมกดอยู่ฝ่ายเดียว 

การเล่นแบบงี้ก็เสมือนเชิญให้ ยูไนเต็ด ใฝ่ถึงต้องการเบิกสกอร์มากขึ้นเรื่อยๆกว่าเดิมข้างหลังปักธงไว้แล้วว่าก่อนแดงเดือดจำเป็นต้อง “ผู้นำฝูง” ด้วยการทิ้ง 3 แต้มเพียงแค่นั้น

ก่อนมาบรรลุผลในนาทีที่ 70 จำต้องให้เครดิตคนเปิดเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ใจเย็นนิ่งกับบอลมองดูก่อนแล้วตักให้ พอล ป็อกบา ที่วอลเลย์ตามน้ำจังหวะเดียวหายไปเลย

ข้อคิดเห็นเป็นระยะหลังมานี้ บรูโน่ จากที่เคยหามกระทั่งข้างหลังแอ่นเริ่มเฟดตนเองแต่ว่าจังหวะพอดิบพอดีกับ พอล ป็อกบา ที่เคยถูกเร้ดอาร์มี่สาปแช่งเปลี่ยนมาเป็นเดอะ หามแทนไปแล้ว

เว้นเสียแต่ประตูชัยที่ทำเป็น เอ็งยังขยันในเกมรับแล้วก็ทิ่มอลยากทำให้การตั้งบอลสมูธ 

2 เหตุที่เป็นหัวข้อให้เอ่ยถึงรวมทั้งบางทีอาจเป็นจุดแปลงของเกมเป็นจังหวะที่ แมนฯยูไนเต็ด แทบมีตัวผู้เล่นมากยิ่งกว่าข้างหลัง ร็อบบี้ เบรดี้ ทิ่ม เอดิสัน คาวานี่ จังหวะหลุดโดดเดี่ยว 

ตามกฏถ้าเกิดทำโปรเฟสชั่นนอลฟาว์ลนลานอกจุดโทษเป็นใบแดงสถานที่เดียวแม้กระนั้นที่ทำให้จังหวะนี้ถูก “ชู” เพราะเหตุว่าก่อนหน้านั้นไม่กี่วินาทีมีจุดเกิดเหตุที่ เควิน เฟรนด์ เอ็งปลดปล่อยให้ “play on” จนกระทั่งมีการคัดค้าน

เป็นจังหวะที่ ลุค ชอว์ ทิ่ม โยอันน์ กุ๊ดมึนด์สสัน โดยที่คนไม่ใช่น้อยดูกันไปคนละแบบแม้กระนั้นลูกรูปแบบนี้มองจากภาพช้าจะไม่จับฟาว์ลมันยากมากมายขอรับ เป็น ชอว์ ทิ่มโดนบอลเพียงแค่เฉี่ยวๆแม้กระนั้นเปิดปุ่มจนถึงไปที่ข้อเท้าของ กุ๊ดมึนด์สสัน 

หากแฟน “อสุรกายแดง” ถามคำถามว่าแล้วจะต้องเข้าอย่างไรถึงไม่ให้ฟาว์ล ผมรู้สึกว่าการเข้าในลักษณะปัดกวาดขาแล้วก็ใช้ข้างหลังเท้าปะทะบอลแบบงี้โดนอีกทั้งบอลทั้งคนอย่างไรก็ “fair tackle” แน่ๆ 

อีกเรื่องเกิดขึ้นในนาที 35 จากจังหวะที่ แฮร์รี่ แม็คแกว่งร์ กระโจนกระแทกพังทลายประตูขึ้นนำ 1-0 ซึ่งในช่วงเวลานั้นผมนึกในใจโดยทันทีพวกเรากำลังได้ผู้นำฝูงกลุ่มใหม่

แม้กระนั้นท้ายที่สุดผู้ตัดสิน “ยึด” ข้อกล่าวหา “กด” แนวรับฝั่งตรงข้าม

แนวทางการทำประตูอย่างนี้หลายลูกรวมทั้งส่วนมากเป็นประตูแค่เพียง ยูไนเต็ด แอบโชคร้ายที่ timing มันไม่ถูกไปน้อยมาก 

ไม่ถูกตรงที่ แม็คแกว่งไกวร์ แกวิ่งมาจากข้างหลัง(ออกจะไกล)แล้วก็ขึ้นเร็วไปเสี้ยววินาทีก่อน เอริก ปีเตอร์ส ที่กำลังเทคตัวจนกระทั่งผู้ตัดสินคิดว่าไปกระโจนกดทำให้คู่ปรับเทคขึ้นมิได้ 

ถ้าเกิดกลายเป็น ปีเตอร์ส มึงเทคขึ้นพร้อมเพียงกันผมมีความรู้สึกว่าลูกนี้เป็นประตูแน่นอน 

แม้กระนั้นอย่างที่บอกนะครับด้วยการที่ แม็คแกว่งไกวร์ แกวิ่งมาด้วยความเร็วจากข้างหลังถ้าเกิดยืนจับคู่(ดังเช่นว่าเตะมุม)แล้วจากนั้นก็ให้เทคกดผมว่าผู้ตัดสินให้แน่นอน 

เอาละครับผมการขึ้นนำเป็น “หัวหน้าฝูง” ของ ยูไนเต็ด เว้นแต่ชิงความเป็นต่อในเรื่องตำแหน่งป้อมปราการแล้วมันมีผลสำคัญต่อเกม “แดงเดือด” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

เนื่องจากว่ามันทำให้ “ลิเวอร์พูล” ไม่มีวันเลือกจำเป็นต้องเอาชนะกลุ่มของ โอเล่ ใน แอนฟิลด์ ให้ได้เพื่ออย่างต่ำข้างหลังพ้นสุดสัปดาห์นี้แต้มจะต้องเสมอกันเอาไว้ก่อน หาใช่กลับออกไปโดยเป็นคนตาม อย่างงี้เข้าทาง “ภูติผีปีศาจแดง” เต็มลำแข้งแน่นอน

พวกเรารู้กันดีว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นนอกบ้านอย่างชั่วร้ายเนื่องจากว่าตั้งอกตั้งใจรับแล้วคอยสวนคล้ายกับ สเปอร์ส ของ โจเซ่ มูรินโญ่ 

ต่อไปนี้ทดลองหันมามอง “ลิเวอร์พูล” ที่ภาวะแนวรับคู่กึ่งกลางช้าเป็นเรือเกลืออย่างนี้สุ่มเสี่ยงมากมาย

แล้วก็ถ้าหากเปรียบเทียบปอนด์ต่อปอนด์ เกมรับ(ผี) vs เกมรุก (หงส์)ในในตอนนี้ความแน่ใจไม่เหมือนกันฟ้ากับเหว ยิ่งในตอนนี้การจับคู่กันของ เอริค ไบยี่ แล้วก็ แม็คแกว่งไกวร์ แน่นปั๊กได้ตรงเวลาอีกต่างหาก 

นะครับ มาถึงนี้แล้วพวกเราจำต้องเลี่ยงทางให้ “เร้ดอาร์มี่” ที่สงบเสงี่ยมทนมองกลุ่มอื่นถากถางมานับเป็นเวลาหลายเดือนได้เฉิดฉันเต็มกำลังกับผลงานของกลุ่มรักเนื่องจากว่ามาแรงจนกระทั่งจำต้องยอมเขาจริงๆ

อ่านข่าว :: ข่าวกีฬา